ผลไม้คีโตมีอะไรบ้าง ที่นำมาประกอบเป็นอาหารคีโตได้

หากจจะพูดถึงเรื่องการลดน้ำหนักในปัจจุบันจะมีหลายวิธี และที่ดูจะได้รับความสนใจอย่างมากในตอนนี้ก็จะเป็นการลดการลดน้ำหนักด้วยวิธีการทานเมนูอาหารคีโต ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับวัตถุดิบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ โดยจะนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ได้นั้นก็จะต้องมีการเช็คทั้งคาร์โบไฮเดรต ประมาณน้ำตาล เน้นโปรตีน เป็นต้น

วิธีการทานอาหารคีโตอย่างถูกวิธี

การทานอาหาร KETO แบบเข้าใจง่าย ๆ ในแต่ละวันจะต้องทานไขมัน 75% โปรตีนประมาณ20% คาร์โบไฮเดรตอีก 5% เพื่อเป็นการลดคาร์บและน้ำตาลลงให้ได้มากที่สุด เมื่อร่างกายก็จะเข้าสู่ภาวะ Ketosis ซึ่งหมายถึง ร่างกายได้มีการใช้กลูโคสย่อยแป้งและน้ำตาลต่ำ ร่างก็จะดึงเอากลูโคสในเลือดออกมาใช้งานแทนจากนั้นจะเกิดภาวะที่ร่างกายเริ่มดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานแทนซึ่งเป็นระบบการเผาผลาญพลังงานสำหรับคนที่ทานคีโตเพื่อเป็นการลดความอ้วน ดังนั้นจึงต้องใส่ใจเรื่องอาหารต่าง ๆ ที่จะนำมาใช้ปรุง หรือใช้ทานซึ่งก็รวมไปถึงผลไม้ด้วยเช่นกัน

ผลไม้คีโต จะมีคุณสมบัติอย่างไร

การเลือกเมนูลดน้ำหนัก สำหรับการเลือกเข้าคีโต จะต้องเลือกผลไม้มีน้ำตาลน้อยและ คาร์โบไฮเดรตต่ำ ถ้าหากยิ่งมีใยอาหารสูง ก็จะยิ่งช่วยให้การขับถ่ายได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นการช่วยให้น้ำหนักลดลงได้หากทานอย่างสม่ำเสมอ และถึงแม้ว่าผลไม้คีโตจะมีรสชาติอร่อย ถึงแม้ว่าจะมีคาร์โบไฮเดรตต่ำ มีแป้งน้อยและน้ำตาลน้อยแล้ว ก็จะต้องทานในปริมาณที่เหมาะสม หรือควรจะทานแต่น้อย และไม่ควรทานจนเพลินเกินไป ซึ่งชาวคีโตจำเป็นจะต้องรู้ว่าผลไม้คีโตจะมีอะไรบ้างซึ่งจะทำให้ชาวคีโตเลือกทานเมนูอาหารคีโตได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะหลุดคีโต

 

 

แนะนำผลไม้คีโต ผลไม้พร่องแป้งทานเพื่อลดน้ำหนัก

ผลไม้ก็ถือว่าเป็นเมนูคีโตได้เช่นกัน เพียงการเลือกก็ดังที่กล่าวไปแล้ว และโดยส่วนมากผลไม้ที่มีปริมาณน้ำมาก ๆ จะช่วยให้อิ่มได้เร็วขึ้น จะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำ หรือเรียกอีกแบบว่าเป็นผลไม้พร่องแป้ง

  1. แตงโม มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำที่สุดเพียง 7.55 กรัมต่อปริมาณ 100 กรัม ทำให้มีแคลอรีต่ำ แตงโมเป็นผลไม้หน้าร้อนที่เป็นแหล่งวิตามินเอ ที่เมื่อทานแล้วจะทำให้รู้สึกอิ่มได้เร็ว
  2. ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เป็นตระกูลเบอรี่ที่มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตน้อยเพียง 68 กรัมจากสตรอว์เบอร์รี่ 100 กรัม จะเป็นผลไม้ที่เป็นแหล่งโพแทสเซียมและวิตามินซี
  3. อะโวคาโด จะเป็นผลไม้ที่มีไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งจะดีต่อหัวใจ อีกทั้งปริมาณอะโวคาโด 100 กรัมจะมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตเพียง 83 กรัม
  4. แคนตาลูป จะเป็นผลไม้ที่มีกลิ่นหอม และมีรสชาติอร่อย โดยหากรับประทานในช่วงหน้าร้อนจะทำให้รู้สึกสดชื่น และยังเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลต่ำ และมีประมาณคาร์โบไฮเดรตที่ 26 กรัมจากแคนตาลูป 100 กรัม
  5. มะพร้าว ทั้งน้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าว จะมีกรดไขมันอิ่มตัวซึ่งสามารถจะทานได้แต่จะต้องทานในปริมาณน้อยถึงแม้ว่าร่างกายจะสามารถย่อยได้ง่าย
  6. เลมอน จะมีประโยชน์มากมาย จะช่วยให้ร่างกายสามารถจะเผาผลาญได้ดี โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ภาวะ Ketosis จะยิ่งช่วยให้ร่างกายดึงไขมันไปใช้เป็นพลังงานได้ เรียกว่าเป็นการเผาผลาญได้ดีที่สุด
  7. มะเขือเทศ เป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตน้อยรองลงมาจากอะโวคาโด และมีวิตามิน แร่ธาตุ ที่จะมีประโยชน์ต่อผิวมากที่สุด และปริมาณมะเขือเทศ 100 กรัม มีคาร์โบไฮเดรตเพียง 2.7 กรัมเท่านั้น
  8. ชมพู่ เป็นผลไม้ที่มีเนื้อหวานกรอบอร่อย และมีน้ำเยอะมากเมื่อทานจะทำให้อิ่มได้นาน ด้วยปริมาณชมพู่ 100 กรัมมีคาร์โบไฮเดรตเพียง 5.7 กรัม จึงเป็นผลไม้คีโตที่จะหาซื้อได้ตามฤดูกาล
  9. มะกอก ผลไม้คีโต มีไขมันประมาณ 3 กรัม มะกอกจะคาร์โบไฮเดรตต่ำประมาณ 1.5 กรัม รสชาติมันเค็ม และมีโซเดียมเพียงพอ ดีสำหรับการทานเพื่อลดน้ำหนัก

 

 

 

วิธีการเลือกกินผลไม้ในช่วงลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค

การเลือกผลไม้คีโตจะต้องเน้นที่มีแป้งและน้ำตาลน้อยที่สุด และเน้นทานผลไม้สดมากกว่าผลไม้แปรรูป หรือการนำผลไม้คีโตสดมาปรุงเป็นอาหารคีโต ซึ่งยังต้องควบคุมปริมาณให้เหมาะสมและยังจะต้องระวังเรื่องพริกเกลือ กะปิหวาน หรือที่เรียกว่าเครื่องจิ้มต่าง ๆ และผลไม้คีโตบางชนิดจะต้องควบคุมปริมาณการทานด้วย เพราะถึงจะมีปริมาณของแป้งและน้ำตาลน้อยแต่ก็มีแคลอรีสูง

 

 

 

 

ผลไม้คีโตมีอะไรบ้าง ที่นำมาประกอบเป็นอาหารคีโตได้

ผลไม้คีโตมีอะไรบ้าง ที่นำมาประกอบเป็นอาหารคีโตได้