ลดน้ำหนักด้วยไข่ต้ม
ไข่ไก่ 1 ฟอง เต็มไปด้วยโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ทั้งยังประกอบด้วยกรดอะมิโน แคลเซียม ธาตุเหล็ก ที่มีส่วนช่วยบำรุงเลือด บำรุงกระดูก บำรุงฟัน และไข่ต้ม 1 ฟอง ให้พลังงานแค่ 80 แคลเท่านั้น ดังนั้นไข่ต้มจึงกลายเป็นเมนูลดน้ำหนักของหลาย ๆ คน วันนี้เรามีสูตรลดน้ำหนัก 3 วันด้วยไข่ต้ม มาฝากทุกคนกันค่ะ
ประโยชน์ของไข่ต้ม
- ไข่ต้ม 1 ฟอง มีโปรตีนทั้งหมด 6 กรัม สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักหรือออกกำลังกายจะต้องทานไข่เยอะ ๆ เพราะว่าไข่ไก่นั้นช่วยในเรื่องของการเพิ่มกล้ามเนื้อ ถ้าหากกล้ามเนื้อเยอะไขมันก็จะหายทำให้เรามีรูปร่างที่สวยงามค่ะ
- ลดน้ำหนักได้ ไข่ต้มช่วยให้เราอิ่มนาน แถมยังให้พลังงานแคลอรี่แค่ 80 แคลเท่านั้น เป็นอาหารที่แคลอรี่ต่ำแต่ให้โปรตีนสูงซึ่งเจ้าโปรตีนนี่แหละค่ะที่ทำให้มีแรงทำกิจกรรมต่าง ๆ
- 3. บำรุงสมอง
คุณพ่อคุณแม่บางท่านมักจะบอกเสมอว่าทานไข่แล้วจะฉลาด เราอาจจะได้ยินประโยชน์ของไข่ไก่ในข้อนี้กันมาบ้างแล้ว เพราะในไข่ไก่ มีสารอาหารที่สำคัญของวิตามินบี ที่เรียกว่ามีโคลีนถึง 20 % ของคุณค่าทางสารอาหารที่จะได้รับซึ่งเพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายในแต่ละวัน ถ้าหากเราทานไข่อย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยในเรื่องของความจำและการเรียนรู้ได้ไวค่ะ
มีงานวิจัยได้ออกมาบอกว่า การทานไข่ต้มเป็นอาหารเช้าวันละ 2 ฟอง สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ และเราสามารถทานไข่ขาวได้ถึง 6 ฟอง ส่วนไข่แดงให้ทานแค่ 1ฟอง ต่อวันเท่านั้น เพราะถ้าหากเราทานไข่แดงในปริมาณที่เยอะจนเกินไป อาจส่งผลเสียทำให้คอเลสเตอรอลสูง ก่อให้เกิดโรคร้ายมตามมากอีกได้ สูตรลดน้ำหนักด้วยไข่ต้ม 3 วัน มีเมนูอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ
วันที่ 1
มื้อเช้า : น้ำเปล่า 1 แก้ว + ไข่ต้ม 2 ฟอง + ส้ม 1 ลูก
มื้อกลางวัน : ไข้ต้ม 1 ฟอง ตามด้วยฟักทองนึ่ง 100 กรัม
มื้อเย็น : ไข่ต้ม 2 ฟอง + กล้วย 1 ผล
วันที่ 2
มื้อเช้า : ไข่ต้ม 2 ฟอง + น้ำส้ม 1 แก้ว
มื้อกลางวัน : สลัดไก่ต้ม 1 จาน
มื้อเย็น : น้ำมะนาว 1 แก้ว + มันนึ่ง 100 กรัม
วันที่ 3
มื้อเช้า : ไข่ต้ม 2 ฟอง + แอปเปิ้ล 100 กรัม
มื้อกลางวัน : ปลาย่าง 1 ตัว
มื้อเย็น : นมไขมันต่ำ 1 แก้ว + ส้ม 2 ผล
สูตรลดน้ำหนักด้วยไข่ต้ม 3 วันเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่เร่งด่วน ไม่ควรทานติดกันเกิน 1 สัปดาห์นะคะ เพราะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเราค่ะ ที่สำคัญต้องดื่มน้ำให้ได้เยอะกว่าปกติ เพื่อไม่ให้ร่างกายของเราสูญเสียน้ำ นอกจากนี้น้ำเปล่ายังช่วยให้เราอิ่มท้องไม่กินจุกจิกด้วย น้ำเปล่าจึงสำคัญมากเพื่อที่เราจะไม่หิวโหยค่ะ และถ้าหากเราต้องการกลับไปทานอาหารแบบเดิมเราต้องค่อย ๆ ปรับตัวด้วยการควบคุมปริมาณการทานและออกกำลังกายสม่ำเสมอนะคะ เพื่อไม่ให้เกิดการโยโย่ค่ะ