อาหารคลีนกับอาหารคีโตต่างกันอย่างไร
ในปัจจุบันเทรนด์การลดน้ำหนักได้มีโปรแกรมต่าง ๆ ออกมามากมาย โดยที่โปรแกรมยอดฮิตที่นิยมหลัก ๆ โดยเฉพาะประเภทที่มุ่งเน้นไปทางการรับประทานอาหาร คือการควบคุมแบบพี่โตเจนิคไดเอทและการกินคลีน ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการยอดนิยม เพื่อให้คุณมีรูปร่างที่สวยงามและมีความมั่นใจมากขึ้น เมื่อน้ำหนักลดลง และหากคุณกำลังมองหาและกำลังเลือกสองวิธีนี้อยู่และอยากรู้ว่าความแตกต่าง นั้นคืออะไรบ้าง วันนี้เรามีข้อเปรียบเทียบมาฝากกันค่ะ
คีโตเจนิคไดเอท
การเลือกทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำและไขมันสูง ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญของคุณในเชิงบวกอย่างมาก โดยร่างกายของคุณเมื่อถูกลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านการเผาผลาญโดยเรียกว่าคีโตซิส และเมื่อเกิดภาวะนี้ ร่างกายของคุณจะเผาผลาญไขมันให้เป็นพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่น่าเชื่อ และอาหารคีโตจะช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดและอินซูลินของคุณลดลงอย่างมากพร้อมกับ คีโตนที่เพิ่มคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย
ข้อดี
- นอกจากเผาผลาญไขมันดีแล้วยังช่วยให้คุณรู้สึกหิวน้อยลง
- มีการวิจัยหลายชิ้นที่ว่า ketogenic ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
- สามารถเห็นผลในเวลาอันสั้น
ข้อเสีย
- ระดับคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำมากอาจทำให้ระดับพลังงานของคุณลดลง
- การบริโภคอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำเป็นเรื่องยากสำหรับคนส่วนใหญ่
การกินคลีน
การกินอาหารคลีน หมายถึงการกินอาหารเพื่อสุขภาพ มากกว่าเพื่อรสชาติและความพึงพอใจ คุณสามารถรับประทานผักหรือผลไม้ในปริมาณที่พอเหมาะคล้ายกับอาหารคีโต ยกเว้นอัตราส่วนโปรตีนและอัตราส่วนคาร์โบไฮเดรต โดยหลักของการกินคลีน คือ งดเว้นของทอดของแปรรูปอาหารจานด่วนอาหารทั้งหมดที่มีน้ำตาลสูง ให้เลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารมีวิตามินแร่ธาตุและกรดอะมิโนครบถ้วน และงดเว้นอาหารที่ประกอบไปด้วยเครื่องปรุงรส เน้นอาหารรสจืด อัตราส่วนของการกินคลีนคือไขมัน 55 เปอร์เซ็นต์โปรตีน 35% และคาร์โบไฮเดรต 10%
ข้อดี
- อาหารส่วนใหญ่มีประโยชน์ต่อสุขภาพรักษามวลกล้ามเนื้อ
- คุณสามารถทานอาหารบ่อยๆและรับประทานทุกๆ 3 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญและช่วยให้ความอยากอาหารของคุณลดลง
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจมะเร็งและเบาหวาน
- การรับประทานผักผลไม้ที่มีประโยชน์ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ สร้างและช่วยในการกล้ามเนื้อ
- ผักผลไม้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง
ข้อเสีย
- รูปแบบของการกินที่เปลี่ยนไป อาจจะทำให้คุณรู้สึกหิวบ่อย
- คุณอาจขาดสารอาหารหากคุณทานอาหารซ้ำ ๆ เดิม ๆ หรือกินแต่ผัก
- รสชาติจืดและไม่อร่อยอาจจะไม่ถูกลิ้นสำหรับผู้ที่ชอบอาหารที่มีรสจัด