เมนูอาหารคีโต
อีกหนึ่งวิธีการดูแลสุขภาพก็คือการเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อร่างกาย และการรับประทานแบบคีโตเจนิกเป็นการรับประทานเพื่อปรับสมดุลในร่างกายและลดปริมาณไขมันที่จะส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลง สัดส่วนและรูปร่างกระชับมากยิ่งขึ้น
คีโตเจนิกคืออะไร
คีโตเจนิกเป็นวิธีการรับประทานอาหารเพื่อการลดน้ำหนัก ลดไขมันและดูแลสุขภาพที่หลายคนเรียกว่าการทานคีโต เป็นการงดประทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลอย่างสิ้นเชิง แต่จะเน้นการรับประทานไขมันและโปรตีนเป็นหลัก มีกลไลการทำงานคือเมื่อร่างกายขาดแป้งและน้ำตาลก็จะรู้สึกว่าขาดสารอารจึงจะดึงไขมันที่สะสมมาใช้งานและยิ่งถ้าเน้นการรับประทานไขดีเข้าไปก็จะช่วยในเผาพลาญได้ เป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นหูว่าการกินไขมันล้างไขมันเพื่อทำให้ไขมันที่สะสมอยู่หมดไป ได้สุขภาพที่ดีขึ้นและรูปร่างกระชับมากขึ้น
การเลือกอาหารคีโตเจนิค
การรับประทานคีโตเจนิแม้จะจะเป็นการรับประทานแบบไขมันล้างไขมันแต่ก็ต้องเลือกที่เป็นไขมันแบบ HDL ที่มีความหนาแน่นสูงเป็นส่วนช่วยในการป้องกันคอเรสเตอรอลสะสมที่เม็ดเลือกแดงได้ ดังนั้นการรับประทานอาหารคีโตก็ยังต้องเลือกให้ถูกประเภทเพื่อผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งการทานอาหารคีโตก็ยังสามารถปรุงรสชาติได้แต่ต้องเลือกเครื่องปรุงที่เป็นคัดสรรออกมาเป็นเครื่องปรุงคีโตโดยเฉพาะ ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล ผงชูรสและปริมาณโซเดียมที่มากเกินไป ก็จะทำให้เป็นอาหารที่รับประทานได้ตามแบบฉบับคีโตเจนอกและได้ผลมากที่สุด
เมนูอาการคีโตเจนิค
- เมี่ยงหมูสามชั้น สูตรน้ำจิ้มคีโตเป็นการปรุงน้ำจิ้มด้วยน้ำปลาสูตรคีโตและใช้น้ำตาลหญ้าหวานแทน ส่วนหมูสามชั้นจะได้ไขมันดีและโปรตีนเข้าสู่ร่างกาย พร้อมวิตามันจากผักเครื่องเคียงแต่จะต้องเลือกเฉพาะผักใบเขียวเท่า ห้ามรับประทานพืชที่เป็นหัวที่จะมีส่วนประกอบของคาร์โบไฮดรตอยู่
- เบคอนอะโวคาโด้ เมนูอาหารเช้าที่ทำได้ง่าย ๆ และเหมาะสำหรับผู้รับประทานอาหารคีโต เพราะไม่มีแป้งแต่ได้สารอาหารอื่นครบถ้วน ด้วยการทอดเบคอนให้กรอบ หั่นอโวคาโด้เป็นชิ้นพอดีคำและไข่ดาวน้ำเลือกความสุกได้ เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูอาหารเช้าที่อิ่มท้องได้นานแล้ว
- แกงเผ็ดกระดูกหมู เป็นแกงใต้ที่มีรสชาติร้อนแรง ใช้เครื่องแกงผักกับกะทิแล้วใส่กระดูกหมู ปรุงรสด้วยน้ำปลาคีโต เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูอาหารรสชาติจัดจ้านที่ทานได้ไม่เบื่อ ช่วยให้อิ่มท้องสามารถทานกับบุกเม็ดข้าวได้อย่างลงตัว หรือสำหรับบางท่านที่อย่าควบคุมปริมาณไขมันก็สามารถเปลี่ยนจากกะทิเป็นน้ำเปล่าได้ ความเข้มข้นของน้ำแกงที่น้อยลงแต่รสชาติยังคงความเข้มข้นจักจ้านไว้ได้ดี
